อย่างแรก เราต้องรู้ก่อนว่าใครจะต้องเป็นฝ่ายยื่นนามบัตรก่อน? โดยปกติแล้วชั้นผู้น้อย หรือซัพพลายเออร์ที่ไม่ใช่ลูกค้า จะเป็นฝ่ายที่ยื่นนามบัตรและเอ่ยแนะนำตัวก่อนค่ะ วิธียื่น เมื่อหยิบนามบัตรของเราขึ้นมาเตรียมเรียบร้อยแล้ว ให้ยื่นนามบัตรออกไปข้างหน้า จุดสำคัญที่ห้ามลืมเลยก็คือ การหันด้านนามบัตรให้เป็นด้านที่ลูกค้าอ่านออกค่ะ โดยให้ตำแหน่งของนามบัตรอยู่ต่ำกว่ามือของลูกค้าเล็กน้อย แล้วค่อยเอ่ยแนะนำตัวเองค่ะ วิธีพูดให้เอ่ยชื่อบริษัท + ชื่อหน่วยงาน + ชื่อของเรา + と申します。(to moushimasu) เมื่อพูดจบแล้วให้ยื่นนามบัตรไปบนกระเป๋าใส่นามบัตรของลูกค้า(เราและลูกค้าจะมีอยู่แล้ว) พร้อมกล่าวว่า どうぞよろしくお願い致します。(douzo yoroshiku onegai itashimasu) หรือ どうぞよろしくお願い申し上げます。(douzo yoroshiku onegai moushiagemasu) ก็ได้ค่ะ หลังจากมอบนามบัตรของเราให้ลูกค้าเสร็จแล้ว ลูกค้าก็จะยื่นนามบัตรของเขามาให้เราต่อค่ะ ให้เรารับนามบัตรไว้ด้านบนกระเป๋าใส่นามบัตรของเรา พร้อมกล่าวว่า 頂戴いたします。(choudai itashimasu) ตามด้วย どうぞよろしくお願い申し上げます。(douzo yoroshiku onegai moushiagemasu) ค่ะ
ごちそうさまでした (gochisousamadeshita) ที่แปลว่า ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ เป็นคำที่คนญี่ปุ่นจะพูดเมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ซึ่งสามารถใช้พูดกับพนักงานได้ หากไปทานอาหารที่ร้าน เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ที่ทำอาหารให้ แล้วที่มาของคำๆ นี้มาจากไหนล่ะ? อย่างแรกต้องดูที่คันจิของคำว่า ごちそうさまでした ก่อน นั่นก็คือ ご馳走さまでした ในสมัยโบราณคันจิคำว่า 馳走 หมายถึง การ “วิ่งวุ่น” เพื่อเตรียมอาหารให้ลูกค้า สาเหตุที่มีคันจิตัว 馬 (うま-uma) เป็นเพราะพวกเขาต้องใช้ม้าในการวิ่งส่งอาหารนั่นเอง ดังนั้น ตั้งแต่ปลายยุคสมัยเอโดะ จึงมีการนำคำว่า “ごちそうさまでした” มาใช้ในการกล่าวขอบคุณผู้ที่เตรียมอาหารให้ทานในมื้อนั้น และยังใช้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน
หลายคนคงจะคุ้นเคยกับการพูดคำว่า “いただきます” ที่แปลว่า “จะทานแล้วนะคะ/ครับ” ก่อนกินข้าวของคนญี่ปุ่นกันเป็นอย่างดี แล้วคำว่า “いただきます” มีที่มาที่ไปยังไงกันนะ? ตั้งแต่สมัยโบราณ คนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับอาหารมาตลอด จะมีความคิดที่ว่าผัก, ผลไม้ และเนื้อสัตว์ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีชีวิต การที่เราบริโภคเข้าไป ก็เหมือนการรับชีวิตของสิ่งนั้น เพื่อมาต่อชีวิตของเราเอง ดังนั้น ก่อนที่คนญี่ปุ่นจะเริ่มทานอาหาร เลยจะกล่าวคำว่า “いただきます” เพื่อแสดงถึงความรู้สึกขอบคุณ ต่อสิ่งที่เขารับประทาน อีกทั้งยังเป็นการแสดงความขอบคุณ ถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาหารนั้นๆ ด้วย เช่น คนทำอาหาร, เกษตรกร, ชาวประมง เป็นต้น
時給(じきゅう) jikyuu เงินรายชั่วโมง 日給(にっきゅう) nikkyuu เงินรายวัน 週給(しゅうきゅう) shuukyuu เงินรายสัปดาห์ 半月給(はんつききゅう) hantsukikyuu เงินรายครึ่งเดือน (15 วันจ่ายที) 月給(げっきゅう) gekkyuu เงินรายเดือน
スマホをいじる/使う (sumaho wo ijiru / tsukau) เล่นมือถือ ゲームをやる/遊ぶ/する (geemu wo yaru / asobu / suru) เล่นเกม 感情を弄ぶ (kanjou wo moteasobu) เล่นกับความรู้สึก 勿体をつける (mottai wo tsukeru) เล่นตัว 演技する/演劇する/劇を演じる (engi suru / engeki suru / geki wo enjiru) เล่นละคร
効果 : ประสิทธิผล/ผลดี/ประโยชน์ 工科 : สาขาวิศวกรรมศาสตร์ 硬化 : การแข็งตัวขึ้น/เส้นเลือดขอด/ท่าทีแข็งกร้าวขึ้น 硬貨 : เงินเหรียญ 考課 : ประเมิน(ผลงาน) 膠化 : Gelatinization (การทำให้อาหารสุก) 降下 : การลงจากที่สูง/การบินต่ำลง/อุณหภูมิต่ำลง 高価 : ราคาแพง 高架 : ทาง,สะพานยกระดับ/(รถไฟ)ลอยฟ้า
未分類
Japan ,
Japanese ,
nihonmedia ,
Vocab ,
Vocabulary ,
คำศัพท์ ,
คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น ,
ญี่ปุ่น ,
ภาษาญี่ปุ่น ,
日本 ,
日本語
日本について、好きな事は何ですか。( nihon ni tsuite sukina koto wa nandesuka ) ชอบอะไรเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น? 日本語が話せますか。( nihongo ga hanasemasuka ) พูดภาษาญี่ปุ่นได้ไหมคะ? どうして日本語を勉強していますか。( doushite nihongo wo benkyoushiteimasuka ) ทำไมถึงเรียนภาษาญี่ปุ่น? 日本語の勉強はどうですか。( nihongo no benkyou wa doudesuka ) เรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้าง? どのくらい日本語を勉強していますか。( donokurai nihongo wo benkyoushiteimasuka ) เรียนภาษาญี่ปุ่นมานานแค่ไหนแล้ว? どこで日本語を勉強していますか。( doko de nihongo wo benkyoushiteimasuka ) เรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไหน? 日本語が難しいと思いますか。( nihongo ga muzukashii to omoimasuka ) คิดว่าภาษาญี่ปุ่นยากไหม?