หากพูดถึงอาหารญี่ปุ่น เมนูแรกที่คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงก็คือ “ซูชิ” นั่นเอง ซึ่งร้านซูชิก็จะมีหลากหลายราคาแตกต่างกันไป ตั้งแต่ร้านที่คนทั่วไปสามารถเอื้อมถึง ไปจนถึงร้านโอมากาเสะราคาแพง โดยร้านซูชิสายพาน (回転寿司 kaitenzushi) ถือเป็นร้านซูชิที่ได้รับความนิยมทั้งกับคนญี่ปุ่น และคนต่างประเทศที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากราคาต่อจานไม่แพงมาก แถมอร่อยด้วย แล้ว ”ซูชิสายพาน” มีที่มาอย่างไร? ย้อนไปช่วงหลังสงครามโลก ปี 1958 คุณ Shiraishi Yoshiaki ได้เปิดร้านซูชิเล็กๆ ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ชื่อร้านว่า 元禄寿司 (Genrokuzushi) หลังเปิดร้านได้ไม่นาน ร้านก็ขายดีมาก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ วัตถุดิบที่นำมาทำซูชินั้นมีการปรับราคาขึ้นลงตามฤดูกาลอยู่ตลอด ดังนั้นราคาขายของซูชิก็ต้องปรับขึ้นลงตามเช่นกัน ทางร้านจึงไม่ได้กำหนดราคาของแต่ละเมนูอย่างชัดเจน ลูกค้าที่เข้ามาทาน ก็จะไม่ทราบว่าตัวเองทานไปเท่าไหร่แล้ว เมื่อถึงตอนชำระเงินจึงเกิดปัญหาขึ้นตลอด หลังจากนั้นคุณ Shiraishi ก็ได้กำหนดราคาของแต่ละเมนูอย่างชัดเจน ทำให้ทางร้านมียอดขายดีขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คือพนักงานทำงานกันไม่ไหว จนพากันลาออก คุณ Shiraishi ก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามหาทางแก้ปัญหา จนได้ไปดูงานที่โรงงานผลิตเบียร์แห่งหนึ่ง และได้สังเกตเห็นสายพานสำหรับขนส่งขวดเบียร์ จึงเกิดความคิดเรื่องซูชิสายพานขึ้นมา เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ที่ได้ปรับปรุงและพัฒนาระบบนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดซูชิสายพานก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก ระบบสายพานช่วยให้รองรับลูกค้าได้มากขึ้น แถมยังช่วยลดต้นทุนค่าแรงงานด้วย พอต้นทุนลดลง… Read more »
อาหารป้ายเหลืองที่เห็นในร้านค้าทุกวันคืออะไร ยังทานได้ไหม จะเสียรึเปล่า มาดูความหมายที่แท้จริงกันค่ะ หลายคนเมื่อเห็นอาหารป้ายเหลือง คนที่ไม่รู้ก็คงมีคิดกันบ้าง ว่าคุณภาพอาหารอาจจะไม่ดีแล้ว ทางร้านจึงนำมาขายลดราคา แต่จริงๆ แล้ว อาหารป้ายเหลือง คืออาหารประเภทของสด ผัก ผลไม้ อาหารแปรรูป ขนมปัง เบเกอรี่ ฯลฯ ที่ถูกเอามาลดราคาเพราะส่วนใหญ่จะเป็นของที่ต้องถูกเคลียร์ทิ้งวันต่อวัน ไม่สามารถเก็บค้างคืนได้ทั้งๆ ที่คุณภาพยังดีอยู่ หากไม่มีคนซื้อ อาหารที่ถูกทิ้งทั้งหมดก็จะกลายเป็น Food Waste ต่อไป ดังนั้น หากทุกคนพบเห็นอาหารที่ติดป้ายเหลือง ทุกคนสามารถเลือกซื้อได้ตามใจชอบ ไม่ต้องกลัวว่าคุณภาพอาหารจะไม่ดี เหล่านักช้อป และคนที่อยากประหยัดเงินจะซื้อกันเป็นประจำ เพราะได้ของคุณภาพดี ราคาถูก แถมยังช่วยลด Food Waste ได้อีกด้วย หากใครไม่สะดวกเดินทางไปซื้อ ในปัจจุบันก็จะมีแอปพลิเคชันสำหรับซื้ออาหารป้ายเหลืองโดยเฉพาะอยู่ค่ะ
พนักงานแคชเชียร์ญี่ปุ่นทอนเงินให้ลูกค้าอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ
คำศัพท์เกี่ยวกับโรงพยาบาลจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
เป็นสุภาษิตญี่ปุ่นที่มีความหมายดีมาก มีที่มาจาก 茶道(さどう)หรือ พิธีชงชาของญี่ปุ่น ที่ให้พึงระลึกว่า โอกาสที่อยู่ตรงหน้าเราขณะนี้จะไม่ย้อนกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง มันเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ดังนั้น ทั้งฝั่งผู้ชงชาและแขกที่เข้าร่วมพิธีควรจะปฏิบัติต่อกันและกันอย่างดีที่สุด คำๆนี้ ไม่ได้ใช้เฉพาะศิลปะด้านการชงชาเท่านั้นแต่ถูกใช้กันอย่างกว้างขวางในความหมายที่ว่า “การได้มีโอกาสพบใครสักคนหนึ่งอาจเป็นการพบกันเพียงครั้งเดียวในชีวิต ไม่มีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีกเป็นครั้งที่สอง” เป็นข้อเตือนใจว่า เราควรให้ความสำคัญกับผู้คนที่เรามีโอกาสได้พบเจอในชีวิต เพราะเราไม่รู้เลยว่า การพบกันครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่…
คุณ Makoto Ikeda วัย 48 ปี ประธานบริษัทส่งออกมันหวานแห่งหนึ่งในจังหวัด Miyazaki ได้ออกมาเล่าที่มาของการเติบโตทางธุรกิจของเขา เขาเล่าว่า ตอนอายุ 23 ปี เขาได้รับฟาร์มมันหวานเป็นมรดกจากคุณพ่อ พอทำมาได้ 15 ปี ก็ได้ยินว่า มันหวานที่เขาขายส่งให้พ่อค้าคนกลางในราคา 50 เยน/500 กรัม เขาเอาไปตั้งบน shelf ในห้างต่างประเทศในราคา 800 เยน ราคาสูงขึ้นถึง 40 เท่า!! เขาจึงคิดว่า ถ้าเป็นเขาจะขายแบบ “ราคาถูกสำหรับผู้บริโภค ราคาสูงสำหรับผู้ผลิต” ด้วยความคิดนี้ คุณ Ikeda จึงลุกขึ้นมาทำธุรกิจส่งออกมันหวานไปต่างประเทศด้วยตัวเอง ด้วยมั่นใจว่ามีของดีอยู่ในมืออยู่แล้ว คุณ Ikeda จึงทำการสำรวจตลาด ตั้งใจจะเริ่มที่ตลาดเอเชียก่อน เขาเริ่มต้นธุรกิจกับครอบครัวที่มีสมาชิกเพียง 4 คน และเขาได้ค้นพบว่า มันหวานไซส์เล็กที่มักถูกเมินและเหลือทิ้งในตลาดญี่ปุ่น กลับเป็นที่ต้องการในตลาดไต้หวัน และฮ่องกงเป็นอย่างมาก ด้วยวัฒนธรรมการปรุงอาหารของฮ่องกง จะใช้หม้อหุงข้าวหุงมันหวานให้สุก ดังนั้นไซส์เล็กจึงตอบโจทย์ที่สุด คุณ Ikeda เลยทำการรวบรวมมันหวานจากเพื่อนเกษตรกรในละแวกใกล้เคียง ส่งออกไปขายนอกประเทศ เมื่อธุรกิจเริ่มไปได้ดี มันหวานก็เริ่มไม่พอส่ง เขาจึงหันมาพัฒนาเพาะพันธุ์มันหวานไซส์เล็กเอง… Read more »
เป็นคำเปรียบเปรย ที่มีความหมายว่า “คำพูดของคนนี้เชื่อถือไม่ได้ ไว้ใจไม่ได้”มีที่มาจากเวลาคนญี่ปุ่นสั่งอาหารจากร้านโซบะให้มาส่งที่บ้าน แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่มาสักทีพอโทรไปถาม ร้านโซบะก็มักจะตอบว่า “เพิ่งออกไปเมื่อกี้เลยครับ/ค่ะ「今、出たところです」”แต่จริงๆ แล้วยังไม่ได้ออกไปไหนเลย หรือ อาหารยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ.จึงนำมาใช้เปรียบเปรยกับคนที่ชอบพูดแก้ตัว หรือพูดโกหกเช่น หัวหน้าถามว่าเอกสารเสร็จรึยัง ==> กำลังทำอยู่พอดีเลยครับ/ค่ะแล้วข้อมูลที่ให้รวบรวมวันก่อนทำถึงไหนแล้ว ==> อันนั้นก็กำลังทำครับ/ค่ะ…
โรงเรียนญี่ปุ่นมีวิธีการให้เด็กเล็กจำวิธีหลบภัยอย่างไร ไปดูกันเลย
เป็นคำถามที่มีมาตลอด ว่าทำไมขนมโตเกียวถึงเรียกว่าขนมโตเกียว ในเมื่อไปโตเกียวก็ไม่เคยเจอ ในมังงะหรืออนิเมะก็ไม่เคยเห็นจนมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับชื่อขนมโตเกียวออกมามากมาย เช่น เป็นขนมที่คนไทยคิดขึ้นเอง แล้วไปขายอยู่หน้าโรงหนังโตเกียวในไทยพอดี คนเลยเรียกต่อๆ กันว่า “ขนมโตเกียว” เป็นต้นแต่!!! ขนมโตเกียวมันมีในญี่ปุ่นจริงๆ แค่ที่ญี่ปุ่นเขาจะเรียกกันว่า “あんこ巻き” (ankomaki) เป็นขนมขึ้นชื่อของเมืองชิริว จังหวัดไอจิ ที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ จะมีลักษณะเป็นแผ่นแป้งม้วนไส้ถั่วแดงบด ต่อมาก็มีการปรับไส้ให้มีหลากหลายมากขึ้น รวมถึงการปรับเนื้อสัมผัสของตัวแป้งให้มีทั้งแบบนุ่มและแบบกรอบอีกด้วย