โอนิกิริ กับ โอมุสุบิ เหมือนหรือแตกกต่างกันอย่างไร

โอนิกิริ กับ โอมุสุบิ เหมือนหรือแตกกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลย

“โอนิกิริ” เป็นอาหารญี่ปุ่นที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยทานกันใช่มั้ยคะ สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต เป็นหนึ่งในอาหารที่คนญี่ปุ่นนิยมทำใส่เบนโตะไปทานเป็นมื้อกลางวัน โดยปกติแล้ว ข้าวปั้น มักจะเรียกกันว่า “โอนิกิริ” แต่ก็ยังมีอักคำที่หมายถึงข้าวปั้นเช่นกัน คือ “โอมุสุบิ” แล้วทั้ง 2 คำนี้มีความแตกต่างกันตรงไหน? รูปร่าง? วิธีทำ? ต้นกำเนิด? หรือจะไม่ต่าง? เราลองไปศึกษาจากทฤษฎีที่น่าสนใจกันค่ะ

ต้นกำเนิดของโอนิกิริค่อนข้างเก่าแก่ เล่ากันว่ามีมาตั้งแต่สมัยยาโยอิ มีการขุดค้นพบก้อนข้าวคล้ายโอนิกิริที่มีร่องรอยเหมือนเป็นการปั้นด้วยมือในซากโบราณสถานสมัยยาโยอิ แต่รูปร่างของข้าวปั้นในยุคปัจจุบันดูเหมือนจะมาจากสมัยเอโดะมากกว่า โดยในอดีตข้าวปั้นมักจะเป็นอาหารพกพาของพวกซามูไร 

ความแตกต่างระหว่าง “โอนิกิริ” กับ “โอมุสุบิ” มีหลากหลายทฤษฎี โดยรวมแล้วแต่ละแบบได้อธิบายไว้ดังนี้

ในส่วนของ “โอนิกิริ” กล่าวว่าเป็นคำที่ใช้เรียกกันในฝั่งตะวันตก หรือบางทฤษฎีก็ว่าเรียกกันเป็นส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น มีพื้นฐานมาจากการจับข้าวโดยใช้แรง ทำให้ได้ชื่อว่า “นิกิริเมชิ” และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “โอนิกิริ” บางทฤษฎีก็ว่าเป็นข้าวปั้นที่ปั้นโดยการใช้เครื่องมือ หรือในส่วนของหน้าตา ก็ว่าเป็นข้าวปั้นทรงกลมที่ห่อหุ้มด้วยสาหร่ายชุ่ม ๆ ทั้งก้อน

ในส่วนของ “โอมุสุบิ” กล่าวว่าเป็นคำที่ใช้เรียกกันในฝั่งตะวันออก หรือบางทฤษฎีก็ว่าเรียกกันในพื้นที่จากคันโตไปยังโทไคโด ใช้เรียกข้าวปั้นที่ทำโดยสตรีชนชั้นสูงในยุคเฮอัน มีรูปทรงสามเหลี่ยม เนื่องจากในอดีตชาวญี่ปุ่นโบราณจะเชื่อว่าภูเขาคือพระเจ้า จึงได้ปั้นข้าวปั้นให้เป็นรูปร่างสามเหลี่ยมคล้ายภูเขาเพื่อที่เวลาทานจะได้เหมือนกับได้รับพรรับพลังจากพระเจ้า บางทฤษฎีก็ว่าเป็นข้าวปั้นที่ปั้นด้วยมือ หรือในส่วนของหน้าตา ก็ว่าเป็นข้าวปั้นทรงสามเหลี่ยมที่ห่อด้วยสาหร่ายแห้งเพียงบางส่วน นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น “โอมุสุบิ” ถูกบัญญัติขึ้นให้เป็นคำสุภาพของ “โอนิกิริ”

แม้ว่าจะมีทฤษฎีต่าง ๆ มากมายที่บ่งบอกความแตกต่างระหว่างโอนิกิริกับโอมุสุบิ แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ได้มีทฤษฎีใดที่ชัดเจนเพียงพอ แม้แต่ในพจนานุกรมภาษาญี่ปุ่นยังเขียนไว้ว่า “onigiri = musubi” ดังนั้นจึงบอกได้ว่า ในยุคปัจจุบันนั้นสองคำนี้แทบไม่มีความแตกต่างกัน นอกจากนี้ “สมาคมโอนิกิริแห่งญี่ปุ่น” ยังได้เคยกล่าวไว้ว่า จะเรียกว่าอะไรนั้นก็ขึ้นอยู่แต่ละบ้าน แต่ละครอบครัว แต่ละคน ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนและทุกคนสามารถเรียกได้ตามใจชอบ ในปัจจุบันถึงแม้จะมีการเรียกทั้งสองชื่อ แต่ก็ยังมีความหมายถึงข้าวปั้นเหมือนกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *