นามะฮาเกะ ประเพณียักษ์เยี่ยมบ้านแห่งจัดหวัดอาคิตะ มีความหมายว่าอย่างไรนั้นไปดูกันเลย
หากพูดถึงประเพณีท้องถิ่นชื่อดังของจังหวัดอาคิตะล่ะก็ อันดับแรกที่ชาวญี่ปุ่นหลายๆ ท่านจะนึกถึงคงหนีไม่พ้น “นามะฮาเกะ” ซึ่งเป็นเป็นประเพณีอันมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ในปี 2018 ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (intangible cultural heritage) จากยูเนสโกอีกด้วย แต่เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านที่ยังไม่เคยไปเยือนจังหวัดอาคิตะ อาจจะยังไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินชื่อเทศกาลนี้มาก่อน ดังนั้น ในวันนี้ เราจะไปทำความรู้จักกับเทศกาลอันมีชื่อเสียงโด่งดังนี้กันครับ
นามะฮาเกะ คือประเพณีท้องถิ่นของชาวเมืองโอกะ จังหวัดอาคิตะ ที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานานหลายชั่วอายุคน เมื่อเข้าสู่ค่ำคืนของวันสิ้นปี เหล่านักแสดงของหมู่บ้านจะสวมชุดฟางและสวมหน้ากากยักษ์ที่มีหน้าตาดุร้ายซึ่งมีนามว่านามะฮาเกะ พร้อมทั้งควงมีดปังตอที่ทำจากไม้และตระเวนไปตามบ้านหลังต่างๆ เพื่อเยี่ยมเยียนคนในบ้าน
เริ่มแรก ผู้ทำหน้าที่ที่เรียกว่า “ซะกิดาจิ (先立)” จะเข้าไปตรวจสอบตามบ้านหลังต่างๆ ก่อนว่า สามารถให้ยักษ์นามะฮาเกะเข้าไปเยี่ยมเยียนได้หรือไม่ เนื่องจากมีธรรมเนียมว่า หากในปีนั้นบ้านหลังใดมีคนป่วย หรือประสบเคราะห์กรรมต่างๆ ก็จะไม่เข้าไปเยี่ยมเยียนบ้านหลังนั้น เมื่อทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เหล่าบรรดายักษ์นามะฮาเกะก็จะเดินเข้าสู่ตัวบ้าน พร้อมทั้งส่งเสียงคำรามอันแสนน่าหวาดกลัว บางทีอาจตะโกนข่มขู่คนในบ้านว่า “บ้านหลังนี้มีเด็กคนไหนร้องไห้อยู่มั้ย !!!! บ้านหลังนี้มีคนขี้เกียจอยู่มั้ย !!!!” หลังจากนั้นก็จะเดินควงมีดปังตอไปตามส่วนต่างๆ ของบ้าน และเนื่องจากเครื่องแต่งกายที่ดูน่ากลัวประกอบกับการแสดงที่ดูสมจริง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กๆ ซึ่งอยู่ภายในบ้านจะร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว แม้กระทั่งผู้ใหญ่เองก็อาจขวัญหนีดีฝ่อได้เหมือนกัน
ในส่วนของเจ้าบ้านก็จะจัดเตรียมเหล้าและอาหารไว้เลี้ยงรับรองเหล่าบรรดายักษ์ที่เดินทางมาเยี่ยมเยียน หลังจากนั้นยักษ์นามะฮาเกะก็จะสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของครอบครัว เมื่อจบการสนทนาแล้ว ยักษ์นามะฮาเกะก็จะอวยพรให้คนในบ้านพบเจอแต่สิ่งดีๆ มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย พร้อมทั้งพูดหยอกล้อกับเด็กๆในบ้านว่า “ปีหน้าข้าจะมาเยี่ยมใหม่ ถ้าเจ้าเป็นเด็กดื้อล่ะก็ ข้าจะพาไปอยู่ด้วย !!” จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปยังบ้านหลังถัดไป
สำหรับต้นกำเนิดของประเพณีนามะฮาเกะนั้น เชื่อกันว่าในสมัยโบราณมียักษ์กลุ่มหนึ่งเข้ามาสร้างความเดือนร้อนให้กับผู้คนในหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงรวมกลุ่มกันไปเจรจากับพวกยักษ์ว่า “หากพวกเจ้าสามารถสร้างบันไดหิน 100 ขั้น ได้สำเร็จภายใน 1 คืน ในทุกๆ ปี พวกข้าจะมอบหญิงสาว 1 คน ให้กับพวกเจ้า แต่หากทำไม่สำเร็จ พวกเจ้าจะต้องไสหัวออกจากหมู่บ้านนี้” แน่นอนว่าพวกยักษ์ตกลงรับคำท้า แต่เมื่อพวกมันได้ลงมือสร้างบันไดหินไปถึง 999 ขั้น แล้ว กลับมีชาวบ้านคนหนึ่งคิดกลอุบายขึ้นมาหลอกลวงพวกมัน โดยการเลียนเสียงไก่ขัน จึงทำให้พวกยักษ์เข้าใจผิดคิดว่าเป็นเวลารุ่งสางแล้ว พวกมันจึงจำใจล่าถอยออกจากหมู่บ้านไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ชาวบ้านส่วนหนึ่งเกรงว่าพวกยักษ์เหล่านั้นอาจกลับมาแก้แค้นในภายหลัง จึงได้เริ่มมีการแต่งกายปลอมตัวเป็นยักษ์ และเดินตระเวนไปรอบๆ หมู่บ้าน พร้อมทั้งมีการจัดเตรียมอาหารต่างๆ ไว้เลี้ยงรับรองชาวบ้านที่ปลอมตัวเป็นยักษ์ด้วย จนในที่สุดก็กลายเป็นประเพณีนามะฮาเกะอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน
หากดูจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัวแล้ว หลายๆ ท่านคงคิดว่านามาฮาเกะจะต้องเป็นยักษ์ที่มีความมุ่งร้ายต่อมนุษย์แน่ๆ แต่จริงๆ แล้ว หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะกล่าวกันว่ายักษ์นามาฮาเกะคือผู้รับใช้ของเหล่าทวยเทพซึ่งสถิตอยู่ตามภูเขาต่างๆ ในเมืองโอกะ นอกจากจะทำหน้าที่คอยเตือนสติมนุษย์ผู้เกียจคร้านแล้ว ยังช่วยปัดเป่าภัยพิบัติต่างๆ และยังช่วยให้พืชผลทางการเกษตรอุดมสมบูรณ์อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลมนุษย์นั่นเอง
อย่างไรก็ดี เรื่องเล่าอันเป็นต้นกำเนิดของประเพณีและตัวตนที่แท้จริงของยักษ์นามะฮาเกะที่ได้กล่าวมานั้น เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากหลายๆ เรื่องเล่าเท่านั้น ปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถสรุปได้ว่าต้นกำเนิดของประเพณีและตัวตนที่แท้จริงของยักษ์นามะฮาเกะ แท้จริงแล้วมาจากเรื่องเล่าใดกันแน่ และสำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจประเพณีนี้ ก็สามารถรับชมจากคลิปด้านล่างนี้ได้เลย แต่บอกไว้ก่อนนะว่า น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ…