ทำไมคนคันไซส่วนใหญ่กินเนื้อวัว? ส่วนคนโตถึงกินเนื้อหมู? เป็นอย่างไรนั้นไปดูกันเลย
ถึงประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศเกาะที่ในอดีตมีอาหารหลักเป็นเนื้อปลาและสัตว์ทะเล แต่ในปัจจุบันชาวญี่ปุ่นจำนวนมากก็หันมาชอบรับประทานเนื้อสัตว์เป็นอาหารหลักกันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อวัวและเนื้อหมู แต่เพื่อน ๆ รู้กันรึเปล่าคะว่า วัฒนธรรมการทานเนื้อสัตว์ของชาวคันไซ หรือภูมิภาคตะวันตกของญี่ปุ่น กับชาวคันโต หรือภูมิภาคตะวันตกของญี่ปุ่นนั้นไม่เหมือนกันนะคะ จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่มีโอกาสย้ายจากคันโตมาอยู่คันไซก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะชาวคันไซนิยมรับประทานเนื้อวัวมากกว่า แถมเนื้อวัวยังมีราคาไม่แพงมาก แตกต่างจากโซนคันโตที่ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตจะมีเนื้อวัวให้เลือกไม่มาก แถมยังมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งความแตกต่างทางวัฒนธรรมการทานเนื้อสัตว์ของ 2 ภูมิภาคนี้มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นในอดีตอย่างไม่น่าเชื่อ
ประวัติศาสตร์ด้านการปกครองของญี่ปุ่นในอดีตมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการกินของคนญี่ปุ่นในปัจจุบันอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อราว 1,400 ปีก่อน ศูนย์กลางการปกครองของญี่ปุ่นอยู่ที่เมืองนาระ และเกียวโตทางภาคตัวตะวันตกของประเทศ ซึ่งในยุคนั้นเป็นสังคมที่ราชสำนักเป็นใหญ่ โดยเวลาที่คนของราชสำนักจะเดินทาง หรือทำการจัดส่งอาหารจะใช้วัวเป็นพาหนะสำคัญ แต่การจะเดินทางจากภาคตะวันตกไปภาคตะวันออกนั้นทำได้ลำบาก เนื่องจากมีเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นสูง มีแม่น้ำขนาดใหญ่ในจังหวัดชิซูโอกะขวางกั้น แถมในยุคนั้นยังมีเถ้าถ่านของภูเขาไฟฟูจิปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้การเลี้ยงวัวที่จำเป็นต้องใช้ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ทำได้ยาก
ในยุคโบราณที่ศูนย์กลางการปกครองของญี่ปุ่นอยู่ที่นาระและเกียวโต ยุคนั้นเป็นยุคที่ศาสนาพุทธมีอิทธิพล และมีความเชื่อว่าห้ามทานเนื้อสัตว์ ซึ่งความเชื่อดังกล่าวก็สืบทอดอยู่มานานในสังคมญี่ปุ่นกว่า 1,200 ปี จนถึงช่วงปลายยุคเอโดะที่มีการเปิดประเทศและมีชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศอย่างกว้างขวาง ซึ่งชาวต่างชาติก็ได้นำวัฒนธรรมการทานเนื้อสัตว์เข้ามายังประเทศญี่ปุ่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบโยโกฮามะ ที่มีเมนูยอดนิยมเป็นเป็นเมนูหม้อไฟเนื้อวัว
ในปีเมจิที่ 5 รัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มนำวิธีการเลี้ยงหมูแบบตะวันตกเข้ามาใช้ในประเทศญี่ปุ่น แต่ก็ยังไม่แพร่หลายเหมือนอย่างเนื้อวัว ยิ่งในช่วงยุคสงคราม ภาคตะวันออกของญี่ปุ่นขาดแคลนเนื้อวัวอย่างกะทันหัน ทำให้เนื้อหมูเข้ามามีบทบาททดแทนที่สำคัญ เกิดเมนูข้าวหมูทอดทงคัตสึขึ้นซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในทันที และเมื่อถึงยุคสิ้นสุดสงครามเนื้อหมูก็กลายเป็นอาหารสำคัญที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงในยุคนั้น นอกจากนี้การเลี้ยงหมูยังใช้เวลาเพียงราว 6 เดือนซึ่งถือว่าสั้นมากเมื่อเทียบกับการเลี้ยงวัว และหมูยังแพร่พันธุ์ได้ดีอีกด้วย จึงทำให้การเลี้ยงหมูเป็นที่นิยมในภูมิภาคคันโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนทางแถบคันไซนั้น เนื่องจากเป็นเแหล่งเพาะเลี้ยงวัวมาตั้งแต่โบราณ วัฒนธรรมการทานเนื้อวัวจึงฝังรากลึกลงไปแล้ว ทำให้วัฒนธรรมการทานเนื้อหมูไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไรนั่นเอง
วัฒนธรรมการทานเนื้อสัตว์ของชาวญี่ปุ่นเรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดแบบแยกออกจากกันไม่ได้ สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อและเป็นแฟนอาหารญี่ปุ่น การได้รู้ถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ทำให้วัฒนธรรมการกินของแต่ละภูมิภาคในญี่ปุ่นแตกต่างกันไปแล้วละก็ น่าจะทำให้ความสนุกในการรับประทานแต่ละเมนูของคุณมีมากขึ้นไม่ใช่น้อยเลยใช่มั้ยละ